เจ้านางมอนหลาว (นางมอนล่า) แห่งเมืองมาว

10 เมษายน 2018, 12:30:57


เจ้านางมอนหลาว(นางมอนล่า)แห่งเมืองมาว
เมืองมาวเป็นฐานที่ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำมาว(ปัจจุบันอยู่แถบฉานเหนือ) และผู้ที่มาตั้งรกรากบ้านเมืองอยู่กินแถบนี้ ก็ได้ชื่อว่า ไทมาว เมืองแห่งนี้เชื้อสายราชวงค์สืบมาจากเมืองน่านเจ้า (เจ้าขุนหลู่พง) ที่ขยายแผ่อิทธิพลเข้ามา โดยมีเจ้าขุนตึงคำ เป็นคนแรก (ลูกขุนอ้ายกับนางพญานาค) เจ้าขุนตึงคำก่อตั้งขึ้นเมืองตึงขอ สืบทอดกันมาถึงขุนลูขุนไล และหลังจากเจ้าขุนไลสี้นลงไป เฒ่าเมืองสี่คนจึงนำเอาไฝ่ม้าข้าคนทั้งหลาย ออกเดินทางลัดเลาะผ่านทางสิบสองพันนา ถึงเมืองหิเมืองฮำ เชิญเผ่าเชื้อพระวงค์มาปกครองหน้าฟ้าเมืองไต โดยมีเจ้าขุนไตข่าน เป็นผู้นำรวมถึง พระราชบุตร (4)คน พระนัดดา(8)คน จึงมา กระจายแบ่งหน้าที่ทำให้ในบรรดาเผ่าพระวงค์ ปกครองในเมืองต่างๆ ในแดนฉานเหนือปัจจุบันและยูนนานบางส่วน




 


ส่วนเมืองมาว ปกครองโดยท้าวงาลม (ลูกเจ้าขุนไตข่าน) พระองค์มีพระราชบุตรองค์หนึ่ง เรียกว่า เจ้าขุนตุ่ม(เจ้าหลวงห่มเมือง) ขึ้นเป็นพระอุปราช (แก๋มเมือง) ภายหลังท่านได้ขึ้นปกครองเมืองมาวแทนพระบิดา โดยมีมีนางแย้ข่องเป็นนางเคียงหัว
ถึงมาเมื่อปี A.D 1029 ซึ่งมีสี่งแปลกปลาดที่เกิดขึ้น เครื่องขุนครัวศึกทั้งหลาย ในพระราชวัง ออกแสงสว่างไปทั่ว ตรงกับพระนางแย่ข่องกำเนิด พระราชธิดาและพระโอรส ฝาแฝด พี่เป็นหญิงน้องเป็นชาย จึงตั้งชื่อผู้พีว่า เจ้าเมืองหลาก (หมายถึงสี่งแปลกประหลาดของบ้านเมือง) ส่วนน้องคนที่สองตั้งชื่อว่า ขุนก่อลาง (เจ้าหน่อเมือง) ทั้งสองท่านเมื่อโตขึ้นมาก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก

ในปี A.D 1057 พระอโนรธาแห่งเมืองพูกาม หวังว่าจะเข้าไปกราบพระเขี้ยวแก้วที่เมืองจีน (ที่เมืองต้าลี่ น่านเจ้า) จึงนำไพร่ม้าข้าคนมาถึงเมือมาว ที่อยู่ในระหว่าง เมืองพูกามและอาณาจักรน่านเจ้าตอนนั้น ท่านลัดผ่านมาทางเมืองมาว พระอโนรธาหยุดพักที่ เวียงมน แถบตัวมืองมาวหลวง และจัดเตรียม เครื่องบรรณาการต่างๆ ถึงเจ้าหลวงห่มเมือง หลังจากนั้นเจ้าหลวงห่มเมืองส่งคนช่วยนำทางถึงเมืองน่านเจ้า เวียงต้าลี ในตอนนั้นฝ่ายทางเมืองน่านเจ้า (เวียงต้าลี )ไม่มีการตอนรับจากพระเจ้าอโนรธาแห่งเมืองพูกาม ได้แค่ให้พักพิงไว้นอกเมือง ท่านพายายมติดต่อกับเจ้าเมืองท่าหลี ในที่สุดได้รับ พระพุทธรูปแสงเขียวองค์หนึ่งเป็นของฝาก ท่านก็เกิดความปิติเพียงพอใจ จึงกลับมาพักเมืองมาวตามเดิม หลังจากถึงแล้วขอเจ้าหลวงห่มเมืองจัดงานต้อนรับพระพุทธรูปแสงเขียวเข้าเมือง เจ็ดวัน ท่านก็ยินยอมให้จัด แล้วขอพักพิงต่อระยะหนึ่ง





ในช่วงที่พักอาศัยอยู่ในเมืองมาว เจ้าอโนระธาได้สังเกตการทำมาหากินของชาวไทมาวหลายอย่าง เช่น ทำไร่ดำนา ปลูกพืช ทำสวนต่างๆ ท่านมีใจอยากจะนำผู้คนเหล่านั้นกลับไปสร้างในเมืองของตน (ยุคนั้น ชาวพม่า ทางเมือง พูกาม ถึงแม้จะเป็นพื้นที่อุณหภูมิสมบูรณ์ มีทั้งแหล่งน้ำ พื้นที่ทำกิน แต่ชาวพม่ายัง ทำมาหากิน ก่อแท่นทำนายังไม่เป็น ท่านจึงอยากจะได้ผู้คนเหล่านี้ กลับไปสร้างและสอนชาวพม่า ที่เมืองพูกาม) ต่อนั้นมา ท่านได้เล็งเห็นลูกสาวเจ้าหลวงห่มเมือง เจ้านางมอนหลาว (เจ้ามอนล่า) พม่าเรียก จอหมุนล่า แล้วท่านมีความรักไคร่ต่อนาง หลังจากงานพีธีต้อนรับ พระเข้าเมืองเสร็จ จึงพาครัวต้อนของฝาก ว่าจะขอพระนางมอนหลาวและไฝ่ม้าข้าคนทั้งหลายที่ก่อแท่นทำนาส่วนหนึ่ง ได้กลับไปสร้างบ้านปลูกเรือน สอนชาวพม่าและอาศัยอยู่ที่เมืองพูกาม การตัดสินใจของพระนางยังไม่อยากจะมีเจ้าเคียงหัว แต่เพราะจะเป็นประโยชน์หลายด้าน ในที่สุดพระนางก็ยินยอม ได้นำไพร่ม้าข้าคนส่วนหนึ่งมากับพระอโนระธาเมืองพูกาม (ต่อนั้นมาภายหลัง ลูกหลานชาวไตเหล่านั้น มี ไตสามพี่น้องได้โอกาส ขึ้นปกครองเหนือชาวพม่าทั้งหลาย)


พระอโนระธา มีพระชายา 4 คน

1.นางสีริมาลา (เอา่ก่อนจะขึ้นปกครอง เมืองพูกาม)
2.เปียนจะกะล่าณี (พระราชธิดา แห่งเมือง เวสาลี)
3.มณีจันท์ (พระราชธีดา แห่งเมืองมอณ)
4.เจ้ามอนหลาว (จอหมุนล่า) พระธิดา แห่งเมืองมาว

หลังจากเจ้านางมอนหลาวถึงเมืองพูกาม ซึ่งเป็นผู้มีความเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงก่อสร้างปูรณะวัดวาอาราม สร้างพระสร้างเจดีย์ในเมืองพูกามหลายๆแห่ง พระนางได้ทำบุญทำทาน นิมนต์พระสงฆ์ มาเทศน์ในราชวังอยู่เป็นประจำ
ถึงมาในปี A.D 1059 ชักชวนพระอโนรธาก่อสร้าง พระธาตุชเวจีโข่ง ไตเรียกว่า กองมูทรายคำ ซึ่งเป็นที่เกิดความพอใจแห่งพระอโนรธามาก ภายหลังพระชายาองค์อื่นๆไม่มีความพอใจต่อพระนาง จึงใส่ความสร้างความกล่าวหานินทาต่อพระนาง ว่านางเป็นคนไม่ดี มีผีสิงอยู่ในตัวของพระนาง มักออกหากินของดิบในตอนกลางคืนอยู่บ่อยๆ แกล้งมาทำเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาเท่านั้น เกิดความกล่าวหาว่าร้ายดั่งนี้ขึ้นมาครั้งแรก พระอโนรธาก็ไม่ทรงเชื่อ ต่อมาได้ยินว่า หอหลังที่พระนางพักอาศัยอยู่ เกิดมีแสงสว่างออกมาตอนกลางคืน ท่าจึงเชื่อคำกล่าวหาต่างๆแล้วไล่พระนางออกจาก พระชวังในเมืองพูกาม ในปี A.D 1063 ฯ


พระนางคิดว่า หากว่าขัดขืน จะเกิดความทะเลาะวิวาทกัน ชาวบ้านชาวเมืองจะประสบแต่ความเดือดร้อน จึงยอมออกจากเมืองพูกามเีสียโดยดี พระนางกับคนรับใช้คนหนึ่ง ชื่อว่า นางคำส่า ออกเดินทางมาด้วยกัน ถึงบ้านผายหิน คนบ้านจึง ลอบส่งคนมาแจ้งให้เจ้าหลวงห่มเมือง ทางเมืองมาว ทรงทราบ ส่วนตัวพระนางค่อยๆออกเดินทางงมาเรี่อยๆ จนถึงในต้อนเช้าวันหนึ่ง พระนางเพิ่งตื่นขึ้นมา กำลังจะล้างหน้าที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง (พม่าเรียกแม่น้ำแห่งนี้ว่า นะตองกย้าคยอง ห่างจากเมืองมัณฑเลย์ ทางทิศตะวันออก ประมาณ 13 กีโลเมตร) จึงพบเงาออกแสงเห็นในแม่น้ำ มองดูอีกทีได้เห็นตุ้มหูของพระนางข้างหนึ่งตกอยู่ในแม่น้ำ จึงรู้ว่าในก๋วงตุ้มหูมีเมล็ดพระธาตุ ณ.ที่นั้นพระนางได้หยุดการเดินทาง ก่อสร้างพระเจดิย์เจ็ดศอก องค์หนึ่ง(พม่าเรียกว่า พระธาตุ ส่วยจ่าหย่าน) ใช้เวลา ๔๕ วันเป็นที่แล้วเสร็จ หลังจากนั้นออกเดินทางต่อ ลัดเลาะมาผ่านบ้านต่อบ้าน จนถึงบ้านใกล้เคียงรอบนอก แห่งเมืองสี่ป้อ เมื่อมาถึง พระนางได้สร้างพระเจดีย์สูงเจ็ดสอกไว้องค์หนึ่ง นางนำตุ้มหูของพระนางอีกข้างบรรจุเอาไว้ในพระเจดีย์และขออธิฐานให้มีบ่อเกลือ สองบ่อไว้ประดับคู่พระธาตุแห่งนี้ พระญาอินท์จึงให้ช่างเอราวัณแทงออกเป็นบ่อเกลือสองบ่อ บ่อช้ายเป็นเกลือขม บ่อขวาเป็นเกลือเค็ม จึงเรียกพระธาตุแห่งนี้ว่า (กองมูหม่อเก๋อ+ พระธาตุบ่อเกลือ+ พม่าเรียกว่า ป่อโจ่) หลังจากนั้น พระนางเป็นไข้เจ็บป่วยลงไม่สามารถออกเดินทางต่อได้ จึงสี้นพระชนม์ลงในที่นั้น ในปี A.D 1065

ฝ่ายทางเมืองมาวหลังจากได้ทราบข่าวว่า เจ้านางมอนหลาว ถูกไล่ออกพระราชวังจากเมืองพูกาม เจ้าขุนก่อลางผู้เป็นน้องจึงเกิดความแค้นต่อพระเจ้าอโนรธานำทัพไต 99 หัวเมืองเข้าปราบเมืองพูกาม โดยทางพระอโนระธาเมืองพูกามไม่อาจจะต้านทานได้ จึงขอนิมนต์พระสงฆ์ออกเจรจาสงบศึกแทน ขุนก่อลางจึงยอมรับการสงบศึกแล้ว ได้พร้อมใจกันก่อสร้าง พระเจดีย์ พระธาตุหวุ่นเหย่ต่อง ที่เมืองพูกาม มีไว้จนถึงปัจจุบัน

หลังจากนั้น ผู้เป็นน้อง ขุนก่อลาง ออกเดินทางตามรอยเท้าของเจ้านางมอนหลาว ถึงเมืองสี่ป้อ เมื่อเจอสิ่งใส่ศพพี่นางของตน โดยเกิดความน้อยใจและตอมใจตาย ตามไป และหลังจากเสร็จพี่ธีศพสองพี่น้องเป็นที่เรียบร้อย ชาวบ้านขุนเมืองทั้งหลายในเมืองสี่ป้อ จึงนำนำศพของสองพี่น้อง ฝังไว้ที่ในใกล้ๆแห่งพระตุบ่อเกลือ(ป่อโจ่)แห่งเมืองสี่ป้อ จนถึงปัจจุบันฯ


 



**************************************************
บริการจัดทัวร์ 
ทัวร์เชียงตุง ทัวร์เมืองยอง ทัวร์สิบสองปันนา ทัวร์คุนหมิงจีน ทัวร์หลวงพระบาง ทัวร์วังเวียงลาว ทัวร์มัณฑเลย์ ทัวร์พุกาม ทัวร์ทะเลสาบอินเล ทัวร์ตองจี ทัวร์รัฐฉาน

บริษัท เชียงตุงเรียลเอสเตท แอนด์ ทราเวล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 21/00833
โทร : 092-891-2277,093-2537733,053-727255
ไลน์ไอดี : @chiangtung
เว๊ปไซค์ : Chiangtungbiz.com
youtube:http://bit.ly/2HDFdMO
 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ย้อนอดีตแอ่วสาว ขับลื้อ

บรรพบุรุษลุ่มน้ำโขง กับความเชื่อโบราณ

เรื่องผีสาง และความเชื่ออยู่คู่ไทยและล้านนาแต่นาน ราวปี พ.ศ. 2549-2550 มีข่าวทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่บ้านหลังหนึ่งที่เป็นร้านอาหารแถวๆอ้าเภอฮอดถึงจอมทองอยู่ๆก็มีขวดน้้าเปล่ากระเด็นลอยมาจากห้องครัว บางครั้งมีแขกกำลังรับประทานอาหารอยู่กลับมีขวดน้ำตกลงจากโต๊ะ เผลอๆหากเจ้าของไม่อยู่กลับเอาข้าวของในตู้เย็นตกเกลื่อนกลาด ท้าให้เป็นข่าวกันไปทั้งเมือง ที่จริงเหตุการณ์ท้านองนี้มีมานานแล้วเพียงแต่คนโบราณเรียกกันว่า เฮือนผีขว้าง

บริษัท ไชยนารายณ์ โกลเบิ้ล จำกัด

66 หมู่1 ถนนโชคชัย4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ 10320

Tel ซื้อสินค้า : 063 5599 896

Tel ซื้อสินค้า : 092 891 2277

Tel ท่องเที่ยว :

Line ซื้อสินค้า : @chainarai

Line ท่องเที่ยว : @chainarai

Email : chainarai456@gmail.com

แผนที่

เพจ สิบสองปันนา หลวงพระบาง

เพจ เชียงตุง อยู่ดีกินหวาน